
วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2561



คำว่าวิทยาศาสตร์ในภาษาอังกฤษนั้นเป็นภาษาลาตินมาจากคำว่า scientia แปลว่า ความรู้ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ฟรานซิส เบคอน เป็นคนคิดอุปนัย เพื่อนำมาใช้เป็นทฤษฎีต่างๆ จากการทดลอง หรือ สามารถสังเกต ได้จากธรรมชาติ ปัจจุบันวิทยาศาสตร์ได้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมากได้มีการทดลองมากมายเกิดขึ้น สิ่งต่างๆ ในธรรมชาติล้วนแต่มีสิ่งไม่มีชีวิต และมีชีวิต สิ่งที่มีชีวิตในวิทยาศาสตร์ หมายถึงคือ หายใจได้ , กินอาหารได้ , มีการเจริญเติบโต , สามารถเคลื่อนที่ได้ ก็คือ มนุษย์ พืช สัตว์ ในทางกลับกันสิ่งที่ไม่มีชีวิตในวิทยาศาสตร์ก็คือ ไม่มีการหายใจ , ไม่มีการเจริญเติบโต , ไม่กินอาหาร , ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ก็คือ ภูเขา , แม่น้ำลำธาร , หิน , ดิน เป็นต้น

๒. บีพี เป็นใคร?
๓. การลูกเสือในประเทศไทยมีความเป็นมาอย่างไร?
๔.วัตถุประสงค์ของกิจการลูกเสือมีว่าอย่างไร?
๕. คำปฎิญาณของลูกเสือมีว่าอย่างไร?
๖. กฎของลูกเสือมีว่าอย่างไร ?
๗.ลูกเสือไทยในปัจจุบันแบ่งออกเป็นกี่ประเภท
๘.องค์การลูกเสือโลกคืออะไร
๙.ยุทธศาสตร์ของลูกเสือโลกมีว่าอย่างไร?
๑๐.คติพจน์ของลูกเสือมีว่าอย่างไร?
๑๑.งานชุมนุมลูกเสือโลกมีความเป็นมาอย่างไร?
๑๒.งานชุมนุมลูกเสือคืออะไร ?
๑๓.เป้าหมายของงานชุมนุมลูกเสือคืออะไร?
๑๔.จะแบ่งกองและหมู่ลูกเสืออย่างไร?
๑๕.ทำไมลูกเสือต้องหุงหาอาหารกินเอง?
๑๖.งานชุมนุมลูกเสือ ต่างกับงานอื่นอย่างไร ?
๑๗.จัดงานชุมนุมลูกเสือเมื่อไร?
๑๘.ทำไมจึงต้องจัดงานชุมนุมลูกเสือโลก?
๑๙.ใครคือคนที่มาชุมนุมลูกเสือโลก?
๒๐.เคยจัดงานชุมนุมลูกเสือโลกมาแล้วที่ไหนบ้าง?
๒๑.ผู้อยู่หลังฉากของงานอยู่ที่ไหน?
- การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ความสัมพันธ์เชื่อมโยงในการทำงานของระบบต่างๆของร่างกาย รวมถึงวิธีปฏิบัติตนเพื่อให้เจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่สมวัย
- ชีวิตและครอบครัว ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องคุณค่าของตนเองและครอบครัว การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่าง กาย จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึกทางเพศ การสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับผู้อื่น สุขปฏิบัติทางเพศ และทักษะในการดำเนินชีวิต
- การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ การเข้าร่วมกิจกรรมทางกายและกีฬา ทั้งประเภทบุคคลและประเภททีมอย่างหลากหลาย ทั้งไทยและสากล การปฏิบัติตามกฎ กติกา ระเบียบ และข้อตกลงในการเข้าร่วมกิจกรรมทางกายและกีฬา และความมีน้ำใจนักกีฬา
- การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักและวิธีการเลือกบริโภคอาหาร ผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพ การสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพและการป้องกันโรคทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ
- ความปลอดภัยในชีวิต ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องการป้องกันตนเองจากพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ทั้งความเสี่ยงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ ความรุนแรง อันตรายจากการใช้ยาและสารเสพติด รวมถึงแนวทางในการสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิต

การแนะแนวไม่ใช่การแนะนำ อาจกล่าวได้ว่าการแนะแนวเป็นการช่วยเหลือ ให้เขาสามารถช่วยตนเองได้
ความสำคัญของการแนะแนว
จุดหมายของการแนะแนว คือการป้องกันปัญหา แก้ไขพฤติกรรมทุกอย่างที่ผิดปกติและการพัฒนาให้ทุกคนไปสู่จุดหมายของชีวิตที่ต้องการ

1. ความหมายและประวัติความเป็นมาของดนตรีไทย
1.1 ความหมายของดนตรีไทย
ดนตรีไทย หมายถึง เพลงไทยที่มีระดับเสียงซึ่งประกอบขึ้นเป็นทำนอง มีลีลา จังหวะ มีความเสนาะไพเราะ ก่อให้เกิดความรู้สึกรื่นเริง สนุกสนาน รัก อ่อนหวาน ให้ความสุข เศร้าโศก ปลุกจิตใจให้ฮึกเหิม เป็นต้น
ดนตรีไทย มีความสำคัญต่อการดำเนินวิถีชีวิตของคนไทยมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นิยมให้มีวงดนตรีไทยร่วมบรรเลงด้วย เช่น งานขึ้นบ้านใหม่ งานทำบุญ งานบวชนาค งานมงคลสมรส งานเฉลิมฉลอง งานในเทศกาลต่างๆ ตลอดจนการบรรเลงประกอบการแสดง เป็นต้น
1.2 ประวัติความเป็นมาของดนตรีไทย
ดนตรีไทย เป็นดนตรีที่ศิลปินสร้างสรรค์ขึ้น ใช้บรรเลงในกิจกรรมต่างๆ ของสังคมที่ตนอาศัยอยู่ เช่น บรรเลงเพื่อประกอบพิธีตามความเชื่อ และเพื่อประกอบการแสดง
1.3 องค์ประกอบของดนตรีไทย
ดนตรีที่มีความไพเราะน่าฟังจะประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
1.3.1 เสียงดนตรี เป็นเสียงที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมา โดยทั่วไปแล้วเสียงดนตรีเกิดจากเสียงของเครื่องดนตรีและเสียงร้องเพลงของมนุษย์
1.3.2 ทำนอง หมายถึง เสียงต่ำ เสียงสูง เสียงสั้น เสียงยาว เสียงทุ้ม เสียงแหลมของดนตรีหรือบทเพลง
1.3.3 จังหวะ หมายถึง การเคลื่อนไหวที่สม่ำเสมอ จังหวะจะเป็นตัวกำกับเพื่อให้การร้องเพลงหรือการเล่นดนตรีออกมาในลักษณะที่พร้อมเพรียงกัน
1.3.4 การประสานเสียง เสียงของเครื่องดนตรีและเสียงร้องเพลงของมนุษย์ที่มีระดับเสียงต่างกันเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน เช่น การร้องเพลงพร้อมกับการเล่นกีตาร์คอร์ดประสานเสียงร้อง เป็นต้น
2. แนวทำนองเพลงไทย
เพลงไทยมีแนวทำนองที่ก่อให้เกิดความรู้สึกที่สามารถสัมผัสอารมณ์เพลงได้อย่างหลากหลาย ดังนี้
2.1 เพลงที่ให้ความรู้สึกขลัง น่าเคารพ เช่น เพลงสาธุการ เพลงมหาฤกษ์ เพลงมหาชัย เป็นต้น
2.2 เพลงที่ให้ความรู้สึกรื่นเริงสนุกสนาน เช่น เพลงค้างคาวกินกล้วย เพลงเขมรไล่ควาย เป็นต้น
2.3 เพลงที่ให้ความรู้สึกรักอ่อนหวาน เช่น เพลงลาวดวงเดือน เพลงชมโฉม เป็นต้น
2.4 เพลงที่ให้ความรู้สึกสุขใจจากสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ เช่น เพลงคลื่นกระทบฝั่งสามชั้น เพลงเขมรไทรโยค เป็นต้น
2.5 เพลงที่ให้ความรู้สึกเศร้าโศก เช่น เพลงธรณีกรรแสง เพลงมอญร้องไห้ เป็นต้น
2.6 เพลงที่ให้ความรู้สึกฮึกเหิม องอาจ เร้าใจ เช่น เพลงกราวใน เพลงกราวนอก เป็นต้น
3. ครูเทพเจ้าของดนตรีไทย
ครูเทพเจ้าที่ศิลปินนักดนตรีไทยเคารพนับถือมีหลายองค์ ตามแนวของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ความเชื่อการแสดงความเคารพนับถือ เป็นความกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อเทพเจ้าแห่งดนตรี สร้าง
งานศิลปะดนตรีเป็นเลิศในการบรรเลงเพลงด้วยเครื่องดนตรีและการขับร้อง
3.1 พระวิศณุกรรม เป็นเจ้าแห่งช่างทุกประเภททั้งช่างเขียน ช่างปั้น ช่างก่อสร้าง ในคัมภีร์นาฏศาสตร์ตอนที่พระภรตฤษีรับเทวโองการจากพระมหาพรหม ให้เริ่มวิธีการแสดงละคร พระภรตฤษีได้ขอให้พระวิศณุกรรมสร้างโรงละคร พระวิศณุกรรมจึงออกแบบสร้างโรงละครไว้ และสอนให้ชาวเมืองมนุษย์รู้จักร้องรำทำเพลง
3.2 พระปัญจสีขร เทพเจ้าผู้มีความเป็นเลิศด้านการดีดพิณและการขับลำ ในอดีตชาติพระปัญจสีขรเป็นเด็กเลี้ยงโคไว้ผม 5 แหยม มีชื่อเรียกว่า “ปัญจสิขะ” เป็นผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาในการสร้างกุศล ได้สร้างการสาธารณสถาน เช่น ศาลา สระน้ำ ถนน ยานพาหนะ แต่ต้องตายขณะอยู่ในวัยหนุ่ม จึงไปเกิดเป็นเทพบุตรในชั้นจาตุมหาราช มีร่างกายเป็นสีทอง มีมงกุฎห้ายอด
3.3 พระปรคนธรรพ เทพเจ้าผู้เป็นยอดแห่งคนธรรพ์ นามที่แท้จริง คือ พระนารทมุนี เป็นผู้คิดและสร้างพิณคันแรกขึ้น มีความชำนาญในการขับร้องและบรรเลงดนตรีทำหน้าที่เป็นพนักงานขับร้องและบรรเลงดนตรีกล่อมพระเป็นเจ้าและเทพยนิกร พระนารทมุนีเป็นครูเฒ่าของพวกคนธรรพ์
4. การไหว้ครูดนตรีไทย
4.1 ความสำคัญของการไหว้ครูดนตรีไทย แนวคิดของคนในสังคมไทยต่อครูนับว่ามีความสำคัญอย่างมากครูคือผู้ประสิทธ์ประสาทวิทยาการต่างๆ ให้แก่ศิษย์ เช่น วิชาด้านหนังสือ วิชาช่างศิลป์ วิชาดนตรี วิชานาฏศิลป์ เป็นต้น ศิษย์จึงต้องนำดอกไม้ธูปเทียนและเครื่องกำนล ไปแสดงความคารวะ มอบให้ครูและฝากตัวเป็นศิษย์ โดยเลือกไปในวันพฤหัสบดีซึ่งถือว่าเป็นวันครูวันนี้จึงเป็นวันที่สำคัญและมีความหมายที่สุดของการเริ่มเรียนวิชาการดนตรีไทย
การไหว้ครูดนตรีไทยนิยมจัดเป็นประจำทุกปีเพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณของคุณครูอาจารย์ การทำบุญอุทิศแด่ครู การพบปะสังสรรค์ระหว่างศิษย์ พิธีไหว้ครูดนตรีไทยจึงเป็นพิธีใหญ่มีการตั้งหน้าโขนซึ่งเป็นศีรษะครูเทพเจ้า เครื่องดนตรี มีเครื่องสังเวยบูชากระยาบวช มีครูผู้ใหญ่เป็นพิธีกรประกอบพิธีกรรมไหว้ครู มีบทอ่านโองการคำไหว้ครู มีเพลงหน้าพาทย์บรรเลงตามขั้นตอน หลัง
พิธีแล้วมีพิธีครอบสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนเพลงครูต่อไป
พิธีแล้วมีพิธีครอบสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนเพลงครูต่อไป
ยุคสมัยของเราเป็นยุคสมัยที่การเปลี่ยนแปลงเต็มไปด้วยแรงเหวี่ยงที่ทั้งแรงและเร็ว จนกระทั่งเชื่อกันว่า ใครที่ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงนี้ก็อาจจะตกยุคตกสมัย หรืออาจแม้แต่ตกเป็นเหยื่อเอาเลยก็ว่าได้ ในบรรดาสิ่งที่เปลี่ยนแปลงที่แรงและเร็ว มักจะมีภาษาจีนอยู่เป็นส่วนหนึ่งเสมอ ทุกวันนี้เรื่องของภาษาจีน มักจะเป็นหัวข้อที่ขาดไม่ได้ สำหรับวงอภิปรายหรือสนทนาของหลายวงการ แต่ละวงก็มีตั้งแต่หน่วยสังคมที่เล็กที่ในระดับครอบครัว จนถึงหน่วยที่ใหญ่ที่สุดคือระดับชาติ
ทำไมภาษาจีนจึงเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย? คำถามนี้แทบจะไม่ต้องตอบกันก็ว่าได้ เพราะลำพังปรากฏการณ์การดำรงอยู่ของชาวจีนโพ้นทะเลในสังคมไทย เพียงเรื่องเดียว ก็สามารถตอบคำถามที่ว่าได้อย่างยาวเหยียด แต่ถ้าถามใหม่ว่า ฐานะของภาษาจีนในสังคมไทยเป็นอย่างไร จากอดีตจนถึงยุคสมัยของเราแล้ว คำตอบอาจแตกประเด็นไปได้มากมาย ที่แน่ๆ คือ ไม่มีใครที่มองไม่เห็นความสำคัญของภาษาจีนอีกต่อไป
ดังนั้น หากจะกล่าวถึงภาษาจีนในยุคสมัยของเราแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องชี้ให้เห็นถึงฐานะของภาษาจีนในสังคมไทยอย่างเป็นด้านหลัก เพราะนั่นคือวิธีหนึ่ง (จากหลายๆ วิธี) ที่จะเข้าใจสภาพการดำรงอยู่ของภาษาจีนในสังคมไทยได้ดีขึ้น หรือเป็นระบบขึ้น ความเข้าใจนี้บางทีอาจช่วยให้ได้ตระหนักถึงความสำคัญ และทิศทางที่พึงประสงค์ของภาษาจีนได้ชัดขึ้น โดยเฉพาะในยุคสมัยของเรา
ภาษาจีนในยุคสมัยแรก
ไทยกับจีนมีการติดต่อสัมพันธ์กันมาช้านานแล้ว มีหลักฐานที่ค้นพบใหม่ๆ ในหลายที่ซึ่งสามารถย้อนกลับไปได้นับพันปี แต่กระนั้น หากกล่าวในแง่ของความสัมพันธ์ทางการทูตแล้ว มีหลักฐานชัดเจนว่า มีมาตั้งแต่สมัยที่รัฐสุโขทัยเรืองอำนาจเรื่อยมา จนถึงสมัยรัฐอยุธยา และรัฐกรุงเทพฯ เรืองอำนาจ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่ย่อมมีการติดต่อกันไปมาระหว่างจีนและไทย โดยเฉพาะการเข้ามายังไทยของชาวจีนที่มีตั้งแต่ตัวแทนทางการทูต เจ้าหน้าที่ประจำเรือสำเภา ที่มีตำแหน่งแตกต่างกันไปนับสิบตำแหน่ง รวมทั้งผู้ที่เป็นลูกเรือระดับล่าง ฯลฯ แม้เราจะไม่ทราบจำนวนที่แท้จริง แต่ก็มีหลักฐานว่า ชาวจีนเหล่านี้มีจำนวนมาก ขนาดที่สามารถตั้งชุมชนอยู่กันในหมู่ตนเอง โดยเฉพาะที่อยุธยา
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่เกิดขึ้นในทวีปเอเชีย และเผยแพร่อย่างรุ่งโรจน์ในโลกตะวันตก ประวัติศาสตร์ของศาสนามีความยาวนานสืบทอดมาแต่ศาสนายิว แต่ก็ได้รับการต่อต้านจากศาสนายิวในช่วงของการเผยแพร่ศาสนา คือ ในสมัยที่พระเยซูออกสั่งสอนประชาชน อย่างไรก็ตามศาสนาคริสต์ยังคงยืนหยัดต่อสู่กระแสต้านของสังคมตะวันตกในสมัยนั้นมาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะ นักเผยแพร่ศาสนาคริสต์มีจิตใจศรัทธาพระเจ้าอย่างเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความ เสียสละ จึงประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้พวกตะวันตกในสมัยต่อมาได้เข้าสู่กระแสศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า
ประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์มีความสัมพันธ์กับศาสนายิวอย่างใกล้ชิด จนเป็นที่ยอมรับกันว่าทั้งสองศาสนานี้มีลักษณะเป็นศาสนาแห่งประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่มนุษย์เป็นผู้กำหนด แต่เป็นประวัติศาสตร์ที่พระเจ้าได้เข้ามาเกี่ยวข้องและกำหนดมรรคาแห่งชีวิตที่ทุกคนจะต้องดำเนินไปอย่างถูกต้อง บุคคลในประวัติศาสตร์ของทั้งสองศาสนานี้ อาทิเช่น อับราฮัม โยเซฟ โมเสส และกษัตริย์โซโลมอน ฯลฯ ล้วนเป็นศาสดาที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดให้เป็นไปตามแผนที่พระองค์ได้วางไว้เพื่อช่วยชีวิตมนุษย์ให้ถึงความรอด คัมภีร์ไบเบิลทั้งสองภาค พันธสัญญาจึงเป็นคัมภีร์ที่มีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะในด้านประวัติศาสตร์ของทั้งสองศาสนา
ประวัติศาสตร์ศาสนายูดายของพวกยิว ทำให้เราเห็นว่า พวกเขามีความผูกพันกับ พระเจ้ามาก เพราะพวกเขาเชื่อว่าตนเองเป็นชาติที่พระเจ้าได้เลือกให้เป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
ศาสดาประกาศกหลายท่านได้ทำนายเกี่ยวกับการมาของ พระเมสสิยาห์ ยิ่งทำให้ชาวยิวมีความหวังมากขึ้น แม้ในปัจจุบันนี้ชาวยิวในศาสนายูดายยังคง รอคอยอยู่ แต่สำหรับชาวคริสต์พระเมสสิยาห์ คือ พระเยซูคริสต์ บังเกิดขึ้นมาในตำบลเล็ก ๆ แห่งหนึ่งชื่อเบธเลเฮมในแคว้นยูดาห์ ตรงกับปีพุทธศักราช 543วันที่บังเกิดขึ้นไม่มีการบันทึกแน่นอน แต่ศาสนจักรได้กำหนดเอาวันที่ 25 ธันวาคม ของ(คาทอลิก) ของออร์โธด็อกซ์ กำนดเอาวันที่ 7 มกราคม ของทุกปี เป็นวันเริ่มคริสตศักราชที่ 1 มารดามีนามว่า มารีอา ชาวคริสต์เชื่อกันว่า นางมารีอานั้นตั้งครรภ์ไม่เหมือนสตรีอื่น เพราะเป็นการตั้งครรภ์โดยอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นพระเยซูจึงเป็นบุตรของพระเจ้า ส่วนโยเซฟ นั้นเป็น บิดาเลี้ยงที่มีสายเลือดสืบมาแต่กษัตริย์ดาวิด
พระเยซูในวัยเด็กนั้นมีจิตใจที่ใฝ่ในธรรม มีความชอบใจที่จะพูดถึงเรื่องธรรมกับ นักศาสนา ครั้นมีอายุได้ 30 ปี จึงรับบัพติศมา หรือการรับศีลล้างบาปจากยอห์น ซึ่งเป็น ศาสดานักบุญในสมัยนั้น การรับศีลล้างบาปนี้กระทำที่แม่น้ำจอร์แดน ต่อมาพิธีนี้ได้กลายเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ ของชาวคริสต์ทุกคนที่จะต้องกระทำเพื่อประกาศตนเป็นคริสต์ศาสนิกชน
หลังจากนั้นพระเยซูได้ออกเทศนาทั่วประเทศเพื่อประกาศ "ข่าวประเสริฐ" อันเป็นหนทางแห่งความรอดพ้นจากบาปไปสู่ชีวิตนิรันดร์ การประกาศศาสนาของพระเยซูนั้นไม่ใช่เพื่อล้มล้างศาสนายูดาย แต่เป็นการปฏิรูปศาสนาเดิมให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเน้นความรักต่อพระเจ้าและความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ในขณะนั้นได้มีผู้สนใจคำสอนของพระเยซู แต่ส่วนมากเป็นชนชั้นชาวบ้าน ที่ยากจนและชาวประมง พระเยซูได้คัดเลือกสาวกจากบุคคลเหล่านี้ได้ทั้งหมด 12 คน
สาวกทั้ง 12 คนนี้ ได้ติดตามรับใช้พระเยซูอย่างใกล้ชิดเพื่อเผยแพร่ศาสนา แต่กระนั้นก็ยังมีสาวกที่มีจิตใจดื้อดึง คือ ยูดาส อิสคาริออท ยอมทรยศเพื่อเห็นแก่เงินสินบน ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากคำสอนของพระเยซูมีส่วนทำให้ผู้นำศาสนา ยูดาย ขุนนางและคน ร่ำรวยบังเกิดความไม่พอใจ เพราะถูกตำหนิจึงโกรธแค้นคิดหาทางทำร้าย ด้วยการจับตัวไปขึ้นศาลของเจ้าเมืองชาวโรมัน โดยยูดายรับอาสาชี้ตัวพระเยซู เมื่อวันที่ผู้นำศาสนา ยูดายมาจับตัวพระเยซูไป สาวกทั้ง 11 คน ได้รีบหลบหนีทิ้งให้พระเยซูถูกจับไปลงโทษ โดยการตรึงกับไม้กางเขนพระเยซูถูกทรมานอย่างโหดร้ายทารุณจนสิ้นพระชนม์ในขณะที่มีพระชนมายุได้ 33 ปี เท่านั้น จึงใช้เวลาประกาศศาสนาเพียง 3 ปี
ชาวคริสต์เชื่อกันว่าหลังจากที่พระเยซูได้สิ้นพระชนม์ไป 3 วันแล้วได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง โดยปรากฏแก่สาวกทั้ง 11 คน พวกเขาได้ทดสอบพระเยซูหลายครั้งจนมั่นใจว่าการฟื้นคืนชีพของพระเยซูนั้นไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแต่เป็นจริง ประกอบกับการเทศนาสั่งสอนย้ำให้สาวกทั้งหลายมีความเข้าใจในพระคัมภีร์ พวกเขาทั้ง 11 คน ได้กลับไปกรุงเยรูซาเล็ม จึงร่วมกันอธิษฐานอย่างขะมักเขม้น นับแต่นั้นมาอัครสาวกทั้ง 11 คน และมัทธีอัส ซึ่งได้รับเลือกเข้ามาในภายหลังรวมเป็น 12 คน ได้ช่วยกันเผยแพร่ศาสนาอย่างมั่นคงทำให้มีผู้เข้ามาเป็นสาวกของพระเจ้ามากมาย แต่ในขณะเดียวกันการเผยแพร่ศาสนามีความลำบากเป็นอย่างมาก เพราะถูกต่อต้านอยู่เสมอจากพวกที่นับถือศาสนายูดาย
ในบรรดาสาวกของพระเยซูนักบุญเปโตรได้รับการแต่งตั้งจากพระเยซูให้เป็น หัวหน้าโดยนัยนี้ท่านจึงเป็นผู้นำสูงสุดของศาสนาคริสต์เป็นคนแรก นักบุญเปโตรได้เผยแพร่ศาสนาถึงกรุงโรม และได้เลือกกรุงโรมเป็นศูนย์กลางการดำเนินงานของศาสนจักร ในบั้นปลายชีวิตของท่านนั้นได้ถูกพวกทหารโรมันจับทรมานและประหารชีวิต
ความเจริญของศาสนาคริสต์ได้มีมายาวนาน จนกระทั่งถึงยุคล่าอาณานิคมของพวกจักรวรรดิ์นิยมชาวยุโรปและอเมริกัน ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 15-16
การงานอาชีพและเทคโนโลยีเป็นวิชาที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สามารถนำความรู้เกี่ยวกับการดำรงชีวิต การอาชีพ และเทคโนโลยี มาใช้ประโยชน์ในการทำ งานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ แข่งขันในสังคมไทยและสากล เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ รักการทำงาน และมีเจตคติที่ดีต่อการทำงาน และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างพอเพียง มีความสุข
ขณะนี้สังคมไทยเป็นสังคมที่เป็นฝ่ายบริโภคเทคโนโลยี ไม่ใช่เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยี ฉะนั้นเราจึงเป็นผู้รับที่ต้องคอยรอผู้ ผลิต ต้องตามฟัง ตามดูว่า ผู้ผลิตจะผลิตอะไรใหม่ๆขึ้นมา เพื่อจะรับเอา จึงเป็นผู้ถูกกำหนด ทั้งหมดนี้ก็เพราะเราเป็นผู้ บริโภคของที่ผู้อื่นผลิตและเราผลิตเองไม่ได้
การเสพบริโภค คือ กินนอนสบาย ใช้ของสำเร็จ ไม่ต้องทำอะไร คนที่ชอบความสุขจากการเสพบริโภคก็คือ คนที่อยากได้รับการบำรุงบำเรอโดยตัวเองไม่ต้องทำอะไร ส่วนคนที่เป็นนักผลิต จะมีจิตใจเข็มแข็ง ชอบทำ และมีความสุขจากการกระทำ จากการสร้างสรรค์ ดังนั้น หากถามเด็กไทยว่า “เรามีนิสัยรักการผลิตหรือไม่ มีความเข้มแข็งทางปัญญา คือ ความใฝ่รู้ ถ้าอยากจะรู้อะไร ก็หาความรู้ในเรื่องนั้นอย่างอุทิศชีวิตให้เลย เด็กไทยของเรามีนิสัยอย่างนี้หรือไม่” สาระของการศึกษาการงานอาชีพและเทคโนโลยี จึงมิใช่แค่การรู้จักทำและรู้จักใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ แต่อยู่ที่การพัฒนาความใฝ่สร้างสรรค์ พร้อมทั้งความคิดสร้างสรรค์และฝีมือสร้างสรรค์ กล่าวคือ ความใฝ่ปรารถนาที่จะแก้ปัญหาและทำให้เกิดประโยชน์สุขแก่ชีวิตและสังคมอย่างแรงกล้า ที่ทำให้หาทางและเพียรพยายามนำเอาความรู้ที่ดีที่สุด มาจัดสรรประดิษฐ์นวัตกรรม ที่จะบัน ดาลผลให้สำเร็จประโยชน์สุขนั้น
เนื้อหาสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี
การเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีมุ่งพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวม เพื่อให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะในการทำงาน เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
- การดำรงชีวิตและครอบครัว เป็นสาระเกี่ยวกับการทำงานในชีวิตประจำวัน ช่วยเหลือตนเอง ครอบครัว และสังคมได้ในสภาพเศรษฐกิจที่พอเพียง ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เน้นการปฏิบัติจริง จนเกิดความมั่นใจและภูมิใจในผลสำเร็จของงาน เพื่อให้ค้นพบความสามารถ ความถนัด และความสนใจของตนเอง
- การออกแบบและเทคโนโลยี เป็นสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวกับการพัฒนาความสามารถของมนุษย์อย่างสร้างสรรค์ โดยนำความรู้มาใช้กับกระบวนการเทคโนโลยี สร้างสิ่งของ เครื่องใช้ วิธีการ หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการดำรงชีวิต
- เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นสาระเกี่ยวกับกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ การติดต่อสื่อสาร การค้น หาข้อมูล การใช้ข้อมูลและสารสนเทศ การแก้ปัญหาหรือการสร้างงาน คุณค่าและผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- การอาชีพ เป็นสาระที่เกี่ยวข้องกับทักษะที่จำเป็นต่ออาชีพ เห็นความสำคัญของคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติที่ดีต่ออาชีพ ใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสม เห็นคุณค่าของอาชีพสุจริต และเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ
ประโยชน์ของการงานอาชีพและเทคโนโลยี
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดคุณภาพผู้เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ไว้ ดังนี้
- เข้าใจวิธีการทำงาน เพื่อช่วยเหลือตนเอง ครอบครัว และส่วนรวม ใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือถูกต้องตรงกับลักษณะงาน มีทักษะกระบวนการทำงาน มีลักษณะนิสัยการทำงานที่กระตือรือร้น ตรงเวลา ประหยัด ปลอดภัย สะอาด รอบ คอบ และมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- เข้าใจประโยชน์ของสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน มีความคิดในการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะในการสร้างของเล่น-ของใช้อย่างง่าย โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี ได้แก่ กำหนดปัญหาหรือความต้องการ รวบรวมข้อมูล ออกแบบโดยถ่ายทอดความคิดเป็นภาพร่าง 2 มิติ ลงมือสร้างและประเมินผล เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์อย่างถูกวิธี เลือกใช้สิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ และมีการจัดการสิ่งของเครื่องใช้ด้วยการนำกลับมาใช้ซ้ำ
- เข้าใจและมีทักษะการค้นหาข้อมูลอย่างมีขั้นตอน การนำเสนอข้อมูลในลักษณะต่างๆ และวิธีดูแลรักษาอุปกรณ์เทค โนโลยีสารสนเทศ
1. ตัวดำเนินการคณิตศาสตร์(Arithmetic operator) หมายถึงเครื่องหมายการคำนวณในทางคณิตศาสตร์ ได้แก่
+ หมายถึง เครื่องหมายการบวก
- หมายถึง เครื่องหมายการลบ
* หมายถึง เครื่องหมายการคูณ
/ หมายถึง เครื่องหมายการหาร
\ หมายถึง เครื่องหมายการหารสำหรับเลขจำนวนเต็ม
Mod หมายถึง เครื่องหมายการหาเศษที่ได้จากการหาร เช่น x = 20 Mod 3 ผลลัพธ์คือ x จะมีค่าเป็น 2
^ หมายถึง เครื่องหมายเลขยกกำลัง เช่น x=10^2 ( 10 กำลัง 2 )ผลลัพธ์คือ x จะมีค่าเป็น 100
2. ตัวดำเนินการเชิงข้อความ(String operator) เป็นการเชื่อมประโยคข้อความเข้าด้วยกัน(concatenation)
โดยใช้เครื่องหมายบวก(+) หรือเครื่องหมาย (&) เป็นตัวกระทำ
เช่น Name = "ปรีดี"
เช่น Name = "Preedee"
Say = "hello ..."+Name
หรือ Say = "Hello..."&Name
ผลลัพธ์ที่ได้
Say จะมีข้อความเป็น
Hello...Preedee
3. ตัวดำเนินการเชิงเปรียบเทียบ(Comparison operrator) หมายถึงเครื่องหมายในการเปรียบเทียบข้อมูล
ผลลัพธ์ที่ได้จะมีค่าตรรกบูลลีนเป็น จริง(True) และ เท็จ(False) ได้แก่
= หมายถึง เครื่องหมายเท่ากับ
<> หมายถึง เครื่องหมายไม่เท่ากับ
> หมายถึง เครื่องหมายมากกว่า
>= หมายถึง เครื่องหมายมากกว่าหรือเท่ากับ
< หมายถึง เครื่องหมายน้อยกว่า
<= หมายถึง เครื่องหมายน้อยกว่าหรือเท่ากับ
4. ตัวดำเนินการเชิงตรรก(Logical operator) เป็นเครื่องหมายที่ให้ค่าจริง(True) และเท็จ(False) ในการ
เปรียบเทียบ ประกอบด้วยเครื่องหมาย
NOT หมายถึง ปฎิเสธ (~)เป็นการแปลงค่าตรงกันข้าม จากจริงจะเป็นเท็จ และจากเท็จจะเป็นจริง
AND หมายถึง และ( ^ ) จะเป็นจริงเมื่อค่าที่ใช้เปรียบเทียบทั้ง 2 ค่า เป็นจริงทั้งคู่
OR หมายถึง หรือ( V ) จะเป็นจริงเมื่อค่าที่ใช้เปรียบเทียบทั้ง 2 ค่า เป็นจริงทั้งคู่ หรือเป็นจริงเพียบค่าใดค่าหนึ่ง
XOR หมายถึง และ จะเป็นจริงเมื่อค่าที่ใช้เปรียบเทียบทั้ง 2 ค่าเป็นจริง เพียงค่าใดค่าหนึ่ง
EQV หมายถึง ก็ต่อเมื่อ( <-->) จะเป็นจริงเมื่อค่าที่ใช้เปรียบเทียบทั้ง 2 ค่าเป็นจริงทั้งคู่ หรือเป็นเท็จทั้งคู่
IMP หมายถึง ถ้า...แล้ว (-->) จะเป็นเท็จเมื่อค่าที่ใช้เปรียบเทียบค่าแรกเป็นจริงและค่าที่สองเป็นเท็จ
นอกนั้นให้ผลลัพธ์เป็นจริงหมด
+ หมายถึง เครื่องหมายการบวก
- หมายถึง เครื่องหมายการลบ
* หมายถึง เครื่องหมายการคูณ
/ หมายถึง เครื่องหมายการหาร
\ หมายถึง เครื่องหมายการหารสำหรับเลขจำนวนเต็ม
Mod หมายถึง เครื่องหมายการหาเศษที่ได้จากการหาร เช่น x = 20 Mod 3 ผลลัพธ์คือ x จะมีค่าเป็น 2
^ หมายถึง เครื่องหมายเลขยกกำลัง เช่น x=10^2 ( 10 กำลัง 2 )ผลลัพธ์คือ x จะมีค่าเป็น 100
2. ตัวดำเนินการเชิงข้อความ(String operator) เป็นการเชื่อมประโยคข้อความเข้าด้วยกัน(concatenation)
โดยใช้เครื่องหมายบวก(+) หรือเครื่องหมาย (&) เป็นตัวกระทำ
เช่น Name = "ปรีดี"
เช่น Name = "Preedee"
Say = "hello ..."+Name
หรือ Say = "Hello..."&Name
ผลลัพธ์ที่ได้
Say จะมีข้อความเป็น
Hello...Preedee
3. ตัวดำเนินการเชิงเปรียบเทียบ(Comparison operrator) หมายถึงเครื่องหมายในการเปรียบเทียบข้อมูล
ผลลัพธ์ที่ได้จะมีค่าตรรกบูลลีนเป็น จริง(True) และ เท็จ(False) ได้แก่
= หมายถึง เครื่องหมายเท่ากับ
<> หมายถึง เครื่องหมายไม่เท่ากับ
> หมายถึง เครื่องหมายมากกว่า
>= หมายถึง เครื่องหมายมากกว่าหรือเท่ากับ
< หมายถึง เครื่องหมายน้อยกว่า
<= หมายถึง เครื่องหมายน้อยกว่าหรือเท่ากับ
4. ตัวดำเนินการเชิงตรรก(Logical operator) เป็นเครื่องหมายที่ให้ค่าจริง(True) และเท็จ(False) ในการ
เปรียบเทียบ ประกอบด้วยเครื่องหมาย
NOT หมายถึง ปฎิเสธ (~)เป็นการแปลงค่าตรงกันข้าม จากจริงจะเป็นเท็จ และจากเท็จจะเป็นจริง
AND หมายถึง และ( ^ ) จะเป็นจริงเมื่อค่าที่ใช้เปรียบเทียบทั้ง 2 ค่า เป็นจริงทั้งคู่
OR หมายถึง หรือ( V ) จะเป็นจริงเมื่อค่าที่ใช้เปรียบเทียบทั้ง 2 ค่า เป็นจริงทั้งคู่ หรือเป็นจริงเพียบค่าใดค่าหนึ่ง
XOR หมายถึง และ จะเป็นจริงเมื่อค่าที่ใช้เปรียบเทียบทั้ง 2 ค่าเป็นจริง เพียงค่าใดค่าหนึ่ง
EQV หมายถึง ก็ต่อเมื่อ( <-->) จะเป็นจริงเมื่อค่าที่ใช้เปรียบเทียบทั้ง 2 ค่าเป็นจริงทั้งคู่ หรือเป็นเท็จทั้งคู่
IMP หมายถึง ถ้า...แล้ว (-->) จะเป็นเท็จเมื่อค่าที่ใช้เปรียบเทียบค่าแรกเป็นจริงและค่าที่สองเป็นเท็จ
นอกนั้นให้ผลลัพธ์เป็นจริงหมด
ศิลปะ มีความหมายแตกต่างแยกกันออกไปหลายความหมายด้วยกัน ซึ่งแล้วแต่ว่าบุคคลนั้นๆ จะมองศิลปะในแง่มุมใด ภายใต้หลักการหรือทฤษฎีใด ซึ่งมุมมองที่ต่างกันนี้เอง ทำให้เราได้คำนิยามของศิลปะที่แตกต่างกันออกไป
ฮาโรลด์ เอ็ช ติตุส (Harold H. Titus) ได้ค้นคว้า และรวบรวมทฤษฎีศิลปะ (Theories of Art) ไว้ซึ่งพบว่ามีทั้งหมด 7 ทฤษฎีด้วยกัน ซึ่งการให้ความหมายของศิลปะก็แตกต่างกันไปตามแนวคิดหลักของทฤษฎีดังกล่าวนี้ ซึ่งทฤษฎีศิลปะทั้ง 7 ทฤษฎี มีดังต่อไปนี้
1. ศิลปะ คือ การเลียนแบบ (Art as Imaitation)
ทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีเก่าแก่ มีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ โดยมีพื้นฐานความคิดมาจากเพลโต (Plato) และอริสโตเติล (Aristotle) ซึ่งถือว่าการเลียนแบบวัตถุธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน จัดว่าเป็นสิ่งสวยงามที่สุด ดังนั้นความคิดแก่นของทฤษฎีนี้ การเลียนแบบวัตถุธรรมชาติอะไรบางอย่าง การเลียนแบบที่ปรากฏออกมาก็คือศิลปะ นั่นเอง
2. ศิลปะ คือ ความพึงพอใจ (Art as Pleasure)
ทัศนะนี้มองว่า ศิลปินคือบุคคลซึ่งพึงพอใจในความงามและใช้เวลาของเขาสร้างสิ่งสวยงาม ศิลปินจึงพึงพอใจในงานของตัวเอง และยังหวังให้บุคคลอื่นพึงพอใจในผลงานของตนด้วย ดังนั้น ความหมายของศิลปะก็คือ การให้ความพึงพอใจทางสุนทรียะ
3. ศิลปะคือการเล่น (Art as Play)
ความคิดที่ว่า ศิลปะคือรูปแบบของการเล่นนี้ เริ่มจากแนวคิดของ คานต์ (Kant) จากนั้นชิลเลอร์ (Schiller) นำมาปฏิบัติ และสเปนเซอร์ (Spencer) นำไปพัฒนาต่อไปจนกลายเป็นทฤษฎีที่เรียกกันว่า "Spieltrieb" หรือเรียกว่า ทฤษฎีแรงกระตุ้นให้เล่น ทั้งนี้ การเล่นนั้นถือว่าเป็นการแสดงออกที่เกิดจากชีวิตจิตใจจริงต่างไปจากกิจกรรมที่เป็นงาน (Work) ของมนุษย์แต่ให้ความพึงพอใจสูง
สเปนเซอร์ ถือว่า ศิลปะคือการแสดงออกของพลังงานส่วนเกินเช่นเดียวกับการเล่น ศิลปะก็คือการแสดงออกซึ่งเกิดขึ้นเองของพลังที่สำคัญแก่ชีวิต ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่ไม่คำนึงถึงประโยชน์
4. ศิลปะ คือ อันตรเพทนาการ (Art as Empathy)
อันตรเพทนาการ หมายถึง ท่าทีของประสาทที่รู้สึกคล้อยตามซึ่งเกิดกับผู้กำลังชมศิลปวัตถุ ทั้งนี้ อันตรเพทนาการเป็นการสร้างจินตนาการของผู้ชมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับศิลปวัตถุ โดยการถ่ายทอดความรู้สึกและการตอบสนองของผู้ชมลงไปในศิลปวัตถุ
5. ศิลปะ คือ การสื่อสาร (Art as Communication)
นักปราชญ์จำนวนมากคิดว่า การสื่อสารเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แท้จริงแล้วเป็นหัวใจของศิลปะ ซึ่ง เลโอ ตอลสตอย (Leo Tolstoy) กล่าวไว้ว่า
"...ศิลปะ คือการสื่อสารของอารมณ์ที่เกิดขึ้นแก่บุคคลหนึ่งให้แก่บุคคลอื่นๆ ที่มีอารมณ์อย่างเดียวกัน โดยการใช้เส้น สี เสียง การเคลื่อนไหว หรือคำพูด อารมณ์ยิ่งรุนแรงเพียงใด ศิลปะก็ยิ่งดีเพียงนั้น..."
6. ศิลปะ คือ การแสดงออก (Art as Expression)
ทฤษฎีนี้ถือว่า วัตถุประสงค์ของศิลปะอยู่ที่การแสดงอารมณ์ภายในของมนุษย์ออกมาให้ปรากฏ แม้ว่า ศิลปะเป็นการแสดงออกซึ่งอารมณ์ก็ตาม แต่การแสดงอารมณ์ทุกอย่างก็มิได้เป็นศิลปะไปเสียทั้งหมด
7. ศิลปะ คือ คุณลักษณะของประสบการณ์ (Art as a Quality of Experience)
จอห์น ดิวอี้ (John Dewey) กล่าวว่า ศิลปะคือคุณลักษณะซึ่งแหรกอยู่กับประสบการ ซึ่งพบได้ในประสบการณ์ทั่วไปของเรานี่เอง ลักษณะทางสุนทรีมีอยู่ในประสบการณ์ทั่วไปทั้งหมด
การออกแบบ(Design) คือ ศาสตร์แห่งความคิด และต้องใช้ศิลป์ร่วมด้วย เป็นการสร้างสรรค์ และการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ เพื่อสนองต่อจุดมุ่งหมาย และนำกลับมาใช้งานได้อย่างน่าพอใจ ความน่าพอใจนั้น แบ่งออกเป็น 3 ข้อหลักๆ ได้ดังนี้
- ความสวยงาม เป็นสิ่งแรกที่เราได้สัมผัสก่อน คนเราแต่ละคนต่างมีความรับรู้เรื่อง ความสวยงาม กับความพอใจ ในทั้ง 2 เรื่องนี้ไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันอย่างมาก และไม่มีเกณฑ์ ในการตัดสินใดๆ เป็นตัวที่กำหนดอย่างชัดเจน ดังนั้นงานที่เราได้มีการจัดองค์ประกอบที่เหมาะสมนั้น ก็จะมองว่าสวยงามได้เหมือนกัน
- มีประโยชน์ใช้สอยที่ดี เป็นเรื่องที่สำคัญมากในงานออกแบบทุกประเภท เช่นถ้าเป็นการออกแบบสิ่งของ เช่น เก้าอี้,โซฟา นั้นจะต้องออกแบบมาให้นั่งสบาย ไม่ปวดเมื่อย ถ้าเป็นงานกราฟฟิค เช่น งานสื่อสิ่งพิมพ์นั้น ตัวหนังสือจะต้องอ่านง่าย เข้าใจง่าย ถึงจะได้ชื่อว่า เป็นงานออกแบบที่มีประโยชน์ใช้สอยที่ดีได้
- มีแนวความคิดในการออกแบบที่ดี เป็นหนทางความคิด ที่ทำให้งานออกแบบสามารถตอบสนอง ต่อความรู้สึกพอใจ ชื่นชม มีคุณค่า บางคนอาจให้ความสำคัญมากหรือน้อย หรืออาจไม่ให้ความสำคัญเลยก็ได้ ดังนั้นบางครั้งในการออกแบบ โดยใช้แนวความคิดที่ดี อาจจะทำให้ผลงาน หรือสิ่งที่ออกแบบมีคุณค่ามากขึ้นก็ได้ ดังนั้นนักออกแบบ (Designer) คือ ผู้ที่พยายามค้นหา และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ หาวิธีแก้ไข หรือหาคำตอบใหม่ๆสำหรับปัญหาต่างๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ภาษาไทยเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารของคนไทยที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนาธรรมและความมีจรรยามารยาทแบบสังคมไทย ภาษาไทย จึงมีความสำคัญและประชาช...

TEAR222
-
ศิลปะ มีความหมายแตกต่างแยกกันออกไปหลายความหมายด้วยกัน ซึ่งแล้วแต่ว่าบุคคลนั้นๆ จะมองศิลปะในแง่มุมใด ภายใต้หลักการหรือทฤษฎีใด ซึ่งมุมมอ...
-
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโ...
-
แนะแนว หมายถึง กระบวนการทางการศึกษาที่ช่วยให้ บุคคลรู้จัก และเข้าใจตนเองและสิ่งแวดล้อม สามารถนำตนเองได้ แก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง และพัฒนาตนเองไ...